อยากวิ่งเร็วขึ้น อยากติดถ้วยรางวัล ต้องซ้อมอย่างไร
หลายคน เมื่อก้าวเข้าสู่นักวิ่งแนวกลาง อาจจะเริ่มมองเป้าหมายที่ท้าทายขึ้น เช่น การได้ถ้วยรางวัล ติดอันดับ ยืนบนโพเดี้ยม อยากซ้อมไปวิ่งระยะมาราธอน
แต่มีหลายคนซ้อมวิ่งทุกวัน วิ่งตลอด ในแต่ละสัปดาห์แทบไม่มีวันพัก แต่ทำไมการวิ่งไม่พัฒนาขึ้นเลย เพราะอะไร และจะมีแนวทางการพัฒนาการวิ่งให้ดีขึ้นได้หรือไม่ อย่างไร
Q: อยากติดถ้วยรางวัล ต้องซ้อมอย่างไรครับ อาจารย์
- หลักการซ้อม เราต้องซ้อมอย่างมีระบบ ในรอบสัปดาห์ต้องมีการผสมผสานการฝึกซ้อมแบบต่างๆ คือ easy run, interval, tempo, LSD และ Recovery หากมีการฝึกฝนอย่างเหมาะสมลงตัว การพัฒนาก็จะเกิดขึ้นนั่นเอง ในส่วนผสมของการฝึกซ้อมที่ว่ามานี้ ต้องมีการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายด้วย เช่น ส่วนแกนของลำตัว หน้าท้อง หลัง แขน ขา โดยการ Weight หรือ กายบริหารท่าต่างๆ
Q: แบบไหนถึงจะเรียกว่า เหมาะสมละครับ อาจารย์
- คำว่าเหมาะสม คือ เหมาะสมในแต่ละรูปแบบของการฝึกซ้อม เหมาะสมในเรื่องของสภาพร่างกาย เหมาะสมในเรื่องของเวลา และเหมาะสมกับประสิทธิภาพของตนเอง
Q: แล้วเราจะรู้ความเหมาะสมได้อย่างไรครับ อาจารย์
- รายละเอียดของความเหมาะสม เช่น ความแรงในการ interval หรือลงคอร์ทนั้น ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นโค้ชจะวางแผนจากเวลา PB ระยะ 10K เพื่อพยากรณ์ว่า การซ้อมของบุคคลนั้นๆ จะซ้อมอยู่ในเกณฑ์เท่าไร อย่างไร ให้เกิดความเหมาะสมและพัฒนา รวมทั้งลดการบาดเจ็บได้ แต่ถ้าเราเริ่มมีความเชี่ยวชาญในการลงคอร์ทแล้วนั้น ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะตัวเราเองที่จะเข้าใจตัวเองมากที่สุด และ ต้องฟังเสียงของร่างกาย อย่าปล่อยให้เครื่องมือต่างๆ มาบงการเรามากจนเกินไป และ เราต้องมีการฝึกที่ครบทั้ง 6 รูปแบบ ในรอบการฝึก ส่วนใหญ่จะใช้รอบสัปดาห์ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ
Q: 6 รูปแบบที่พูดถึง มีอะไรบ้างครับ อาจารย์
- 6 รูปแบบที่ว่า ก็คือ 1. Easy Run 2. Tempo Run 3. Long Run 4. Interval / Fartlek 5. Drill / Body Weight / X training 6. Recovery
Q: แล้วแต่ละรูปแบบ มันต้องซ้อมอย่างไรบ้าง หรือ มีหลักการอย่างไรครับ อาจารย์
- Easy Run คือ การวิ่งช้าๆ พูดคุยเป็นประโยคได้ ไม่เหนื่อยหอบ ใช้เวลาในการวิ่ง 30 นาทีขึ้นไป สิ่งที่จะได้รับจากการวิ่งแบบ Easy Run คือ ความทนทานของกล้ามเนื้อ และ การได้จดจ่อกับฟอร์มการวิ่งที่เหมาะสม
- Tempo Run คือ การวิ่งที่ความเร็วคงที่ สม่ำเสมอ วิธีการทดสอบจากปฏิกิริยาของร่างกายคือ ขณะวิ่งจะพูดคุยเป็นประโยคสั้นๆ ได้ โดยคำว่า วิ่งต่อเนื่องหมายถึง 20 นาทีขึ้นไป สิ่งที่จะได้รับจากการวิ่งแบบ Tempo Run คือ กล้ามเนื้อจะมีความทนต่อความล้าได้มากขึ้น และ นานขึ้น
- Long Run คือ การวิ่งระยะทางไกลโดยมีความเร็วระดับปานกลาง คำว่า "ทางไกล" หมายถึง ใช้เวลาในการวิ่งต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 60 นาที หรือ ระยะทาง 10-30 KM คำว่า "ความเร็วระดับปานกลาง" หากคิดประมาณการจะอยู่ที่ 50-70% ของความเร็วสูงสุด สิ่งที่จะได้รับจากการวิ่งแบบ Long Run คือ ความทนทานของกล้ามเนื้อและการทำงานของหัวใจจะดีขึ้นเนื่องจากเป็นการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
- Interval และหรือ Fartlek คือ การวิ่งที่ใช้ความเร็วสูงสุดในระยะเวลาสั้นๆ สลับกับวิ่งช้าหรือพัก คำว่า "ความหนัก" หากคิดประมาณการจะอยู่ที่ 90-100% ของความเร็วสูงสุด วิธีการฝึก Interval เช่น 400 x 10 พัก 1 นาที หมายถึง การวิ่งที่ความเร็วระดับ 90-100% ระยะทาง 400 เมตร พัก(เดิน/จ๊อก) 1 นาที แล้วก็วิ่งที่ความเร็วระดับ 90-100% ระยะทาง 400 เมตร รอบใหม่ และ พัก(เดิน/จ๊อก) 1 นาที ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบตามจำนวนเที่ยวที่กำหนด สิ่งที่จะได้รับจากการวิ่งแบบ Interval หรือ Fartlek คือ เป็นการฝึกเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านความเร็วและฝึกกระบวนการนำออกซิเจนมาใช้งาน
- Drill และหรือ Body Weight และ X-Training คือ การฝึกการเคลื่อนไหวและความคล่องแคล่วของร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อและระบบประสาททำงานได้อย่างประสานและสอดคล้องกัน รวมทั้งการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดต่างๆ สิ่งที่จะได้รับจากการ Drill คือ อวัยวะของร่างกายมีความคล่องแคล่วว่องไวขึ้น ใช้พลังงานน้อยลงในการวิ่งระดับเดิม ความหมายคือ เหนื่อยน้อยลง ฉะนั้นการ Drill และ Body Weight จะช่วยให้วิ่งได้ดีขึ้นนั่นเอง
- Recovery คือ การพัก หรือ การทำให้ร่างกายฟื้นตัว จากการซ้อมหนักในรูปแบบต่างๆ การพักมีความสำคัญไม่น้อยกว่ารูปแบบอื่นๆ เพราะการพักจะช่วยให้ร่างการฟื้นตัวและปรับระดับความสามารถด้านต่างๆ ที่ได้รับจากการฝึกฝนต่างๆ นั่นเอง
สรุปการฝึกซ้อมในรอบ 7 วัน (สัปดาห์) ควรมีปริมาณการฝึกซ้อมดังนี้
- Easy Run 2 วัน ซึ่งควรจะคั่นระหว่างวันซ้อมหนัก หรือ อยู่ก่อนและหลังวันซ้อมหนัก
- Tempo Run 1 วัน
- Long Run 1 วัน
- Interval หรือ Fartlek 1 วัน
- Drill หรือ Body Weight 1 วัน
- Recover 1 วัน
เช่น
- จันทร์ = Easy Run
- อังคาร = Interval / Fartlek
- พุธ = Easy Run
- พฤหัส = Tempo
- ศุกร์ = Drill / Body Weight
- เสาร์ = Recovery
- อาทิตย์ = Long Run
ทำซ้ำลักษณะนี้ และ ปรับความเข้มข้นของแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และ ศักยภาพที่พัฒนาขึ้น
รวมทั้งประเมินร่างกายตนเองเพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บรุนแรง จะทำให้เกิดการพัฒนาเพื่อการแข่งขันได้
สามารถกด Like Facebook Page Runnology เพื่อรับเทคนิคดีๆ ฟรี และ กด see first เพื่อรู้ข้อมูลก่อนใคร
หากต้องการโค้ชส่วนตัวสอนออนไลน์และไฮบริดที่ออกแบบและให้คำแนะนำโดยนักวิ่งทีมชาติไทย โยธิน ยาประจันทร์ (โค้ชโย)
ความพิเศษของหลักสูตร:
1. ตารางซ้อมเหมาะสมกับศักยภาพการพัฒนาของแต่ละบุคคล
2. เหมาะสมกับวิถีชีวิตอายุเพศของแต่ละบุคคล
3. ออกแบบและปรับเปลี่ยนตามวิถีชีวิตและรูปแบบการทำงานของแต่ละบุคคล
ติดต่อสอบถามได้ทาง inbox Runnology page
หรือสมัครเลยที่ https://runnology.com/coursedetails
#โค้ชวิ่งอันดับ1 #ฝึกวิ่ง #ความรู้เรื่องวิ่ง #สาระเรื่องวิ่ง #สอนวิ่ง #สอนวิ่งออนไลน์ #โค้ชนักวิ่ง #ระบบรับสมัครนักวิ่ง #ประกาศงานวิ่งฟรี #runnology
โดย สุดยอด
วิ่งเร็ว ลงคอร์ท interval speed sprint speed work