อาการเจ็บหน้าแข้งจากการวิ่ง (Shin Splint Syndrome)
Shin splint syndrome คืออาการเจ็บหน้าแข้งจากการวิ่ง อาการเจ็บจะเกิดที่สันหน้าแข้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหน้าแข้งด้านใน ส่วนใหญ่จะพบบริเวณตอนล่างของกระดูกหน้าแข้ง ซึ่งบริเวณนี้เป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อ Soleus และ Tibialis Posterior ซึ่งควบคุมการบิดข้อเท้าเข้าใน (Inversion) และจิกปลายเท้าลง (Plantar flexion)
สาเหตุของการเจ็บหน้าแข้งจากการวิ่ง
สาเหตุของอาการเกิดจากการฝึกที่หักโหม เร่งรัด ทำให้เกิดการใช้งานที่มากเกินไปจนร่างกายทนไม่ได้ คือ เมื่อเกิดการกระแทกหรือใช้งานกล้ามเนื้อดังกล่าวซ้ำๆ ทำให้เกิดการบาดเจ็บของเยื่อหุ้มกระดูก
ซึ่งเป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น มักพบใน:
- คนที่เพิ่งเริ่มวิ่งใหม่ๆ
- คนที่เร่งการซ้อมมากเกินไป
- การวิ่งบนพื้นแข็ง หรือใส่รองเท้าที่พื้นรองรับเท้าแข็ง
- คนที่ชอบวิ่งเขย่งปลายเท้า หรือยกส้นเท้าให้ลอยตลอดเวลา
- คนที่มีโครงสร้างร่างกายผิดปกติ เช่น เท้าแบน (Flat foot) เท้าคว่ำบิดออกนอก (Excessive or over of pronation)
- อาการเจ็บหน้าแข้งจากการวิ่ง
อาการเจ็บปวดตามแนวสันหน้าแข้งด้านใน จะเพิ่มความรุนแรงขึ้นแบบเป็นค่อยเป็นค่อยไป อาจเกิดขึ้นขณะวิ่งหรือหลังจากหยุดพักแล้วก็ได้ เมื่อกดจะมีอาการเจ็บเป็นบริเวณกว้างตามแนวของกระดูกหน้าแข้ง แต่ไม่มีอาการชา เมื่อมีอาการควรหยุดพักรักษา ไม่ควรฝืนวิ่ง หรือฝึกแบบเดิมอีกต่อไป เพราะอาจทำให้เกิดภาวะบาดเจ็บที่รุนแรงกว่า เช่น กระดูกร้าว ตามมาได้
การรักษาอาการเจ็บหน้าแข้งจากการวิ่ง
การรักษาเบื้องต้น คือ
- การพัก
- การประคบเย็น
- การใช้ยาต้านการอักเสบชนิดกิน
- การทำกายภาพบำบัดเพื่อลดการอักเสบ
หากโครงสร้างเท้าหรือขาผิดปกติควรเลือกเปลี่ยนรองเท้าเป็นแบบที่เหมาะสมกับโครงสร้างเท้าของตนเอง หรืออาจใช้อุปกรณ์เสริมที่ช่วยลดแรงกระแทกขณะวิ่งร่วมด้วย
เมื่ออาการเจ็บหายแล้ว ควรหันมาบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและยืดหยุ่น โดยเริ่มฝึกด้วยการออกกำลังกายที่ไม่มีการกระแทก เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน Elliptical machine หรือวิ่งในสระน้ำก่อน หากไม่เกิดอาการเจ็บ แล้วจึงค่อยใส่โปรแกรมการวิ่งเข้าไป โดยค่อยๆ เพิ่มระยะทางและความเร็วทีละน้อย แนะนำให้ลองวิ่งบนพื้นนุ่มๆ เช่น สนามหญ้า พื้นยาง หรือ Treadmill ก่อน หากไม่มีอาการเจ็บ จึงค่อยกลับไปวิ่งบนพื้นที่เราคุ้นเคย
การตัดสินใจว่าจะสามารถกลับไปวิ่งระยะไกลได้เมื่อใดนั้น ต้องดูจากอาการ หากอาการเจ็บยังคงเรื้อรัง พักแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีอาการเจ็บมากขึ้นถึงขั้นลงน้ำหนักไม่ได้ อาจเป็นเพราะอาการของกระดูกร้าวแบบสะสม (Stress fracture) ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจรักษาขั้นต่อไป
นอกจากนี้ หากวิ่งแล้วมีอาการชาที่ขาหรือเท้า เมื่อขยับนิ้วเท้าแล้วปวดขาอย่างรุนแรง อาจเป็นอาการของเส้นประสาทขาถูกกดทับเนื่องจากความดันในช่องกล้ามเนื้อสูงผิดปกติ หากมีอาการเหล่านี้ ท่านต้องรีบพบแพทย์ทันที หากปล่อยไว้จนกล้ามเนื้อและเส้นประสาทขาดเลือด ท่านอาจต้องสูญเสียอวัยวะ และไม่สามารถวิ่งได้อีกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก: นพ.กิตติศักดิ์ เชื้อพูล
รูปภาพจาก: pixabay
เรียบเรียงโดย: คันเทวุน
บาดเจ็บ เจ็บหน้าแข้ง Shin Splint บาดเจ็บจากการวิ่ง